ครูอิ่ม จันทร์ชุม ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บรมครูแกะหนังตะลุงของภาคใต้” เป็นผู้เห็นคุณค่าของศิลปะพื้นบ้านด้านการแกะหนังตะลุง อันเป็นศิลปะเก่าแก่ซึ่งนับวันจะถูกลดคุณค่าและหมดความนิยมในที่สุด ครูอิ่มได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้สาธิตการแกะหนังตะลุงถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้แกะหนังตะลุงฝีมือเยี่ยม นอกจากผลงานจะเป็นที่ยอมรับในประเทศไทยแล้วก็ยังเป็นที่สนใจและต้องการของชาวต่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากมีการติดต่อให้ครูอิ่มไปสอนการแกะสลักรูปหนังตะลุง และกนกลายไทยโดยจะให้ค่าตอบแทนเป็นมูลค่าหลายล้านบาท แต่ครูอิ่มเห็นความสำคัญของภูมิปัญญาด้านการแกะหนังตะลุงที่บรรพบุรุษได้ถ่ายทอดสืบต่อกันมาจนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ครูอิ่มจึงต้องการจะสืบทอดมรดกอันล้ำค่านี้ไว้ให้แก่คนไทยสืบไป
วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
ศูนย์ศิลปหัตกรรมรูปหนังบางแก้ว
ศูนย์ศิลปหัตกรรมรูปหนังบางแก้ว จัดสร้างขึ้นบนที่ดินและใช้เงินทุนของครูอิ่ม จันทร์ชุม เพื่อใช้เป็นสถานที่ฝึกและผลิตรูปหนังตะลุง ให้กับผู้ที่สนใจในศิลปะแขนงนี้ ศูนย์ศิลปหัตกรรมรูปหนังบางแก้วตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 142 ม.1 ต.ท่ามะเดื่อ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง 93140
ช่างแกะรูปหนังตะลุง แห่งภาคใต้
นับเป็นเวลามากกว่าหลายสิบปี ที่ครูอิ่ม จันทร์ชุมได้ช่วยเหลือสังคมและถ่ายทอดความรู้ อุทิศแรงกาย แรงใจ โดยการเปิดสอนการแกะรูปหนังตะลุงที่บ้านให้แก่ผู้ที่มาสมัครตัวเป็นศิษย์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เป็นผู้มีความประพฤติยึดมั่นในคุณธรรม รัก และหวงแหนในศิลปวัฒนธรรมไทยเป็นชีวิตจิตใจ จึงได้รับเชิญเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้แก่นักเรียนทุกระดับชั้น ศิษย์สามารถนำความรู้ไปประกอบเป็นอาชีพหลักของครอบครัว ทั้งในพื้นที่จังหวัดพัทลุง และพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้ยังเป็นผู้สาธิตการแกะสลักรูปหนังตะลุงให้กับสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพในงานสำคัญระดับภาคและระดับประเทศ การถ่ายทอดนั้นจะเป็นการถ่ายทอดในลักษณะของการสอน การสาธิตการแกะ และการวาดทุกขั้นตอน นอกจากนี้ยังเปิดสอนแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ข้าราชการ ชาวบ้านทั่วไปและบรรยายในหลายหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสาธิตให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจมาโดยตลอด
วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554
ฝรั่งทุ่ม 5ล้าน ซื้อนักแกะไทย
เมื่อวันที่13กันยายน พ.ศ.2523 นายลาร์ฟ บาลโฮน และน.ส.มัลเล่อร์ ซิกริด 2นักศึกษาทุนรัฐบาลเยอรมัน ได้เห็นฝีมือการแกะหนังตะลุงของนายอิ่ม จันทร์ชุม เกิดความศัทธา ถึงกับลงทุนติดต่อนายอิ่ม จันทร์ชุม ขอทุ่มเงินซื้อตัวนายอิ่ม จันทร์ชุม เป็นเงิน 5 ล้านบาท ให้เดินทางไปอยู่ประเทศเยอรมัน เพื่อแกะหนังตะลุงจำหน่ายเป็นเวลา 5ปี แต่นายอิ่ม จันทร์ชุม กลับตอบปฏิเสธว่าไม่ต้องการถ่ายทอดการแกะหนังตะลุงให้ชาวต่างประเทศ ต้องการถ่ายทอดวิชาให้เฉพาะคนไทยเท่านั้น นายอิ่ม กล่าวว่า " เงิน 5ล้านบาท ซื้อฝีมือช่างไทยไม่ได้ ศิลปะไทยต้องอยู่กับคนไทย ชาติอื่นอาจลอกเลียนแบบได้ แต่รับรองฝีมือไม่เหมือนคนไทย "
วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554
ขั้นตอนการแกะรูปหนังตะลุง
ขั้นตอนการแกะรูปหนังตะลุง
1. การเตรียมหนัง หนังที่มีคุณสมบัติที่ดีที่สุด ได้แก่หนังสด ๆ โดยเฉพาะวัวที่เพิ่งถูกชำแหละใหม่ ๆ ช่างทำรูป หนัง จะนำผืนหนังดิบมาขึงในกรอบไม้สี่เหลี่ยมแล้วตัดเลาะพังผืดออกจนหมด ตากจนแห้งราว 3 – 4 วัน จากนั้นแกะ แผ่นหนัง ออกจากกรอบไม้นำไปหมัก สมัยก่อนการหมักในขั้นตอนนี้นิยม ใช้ผลมะเฟืองหรือใบส้มป่อยหรือข่าหรือใบสับปะรด ใช้เวลา ประมาณ 3 – 4 วัน หนังที่แห้งจะคืนสภาพกลับมานิ่ม ช่างขูดขนออก เหลือแต่แผ่นหนัง สีขาว แต่ปัจจุบันกรรมวิธีดังกล่าว ค่อนข้างช้าจึงใช้น้ำส้มสายชูหมักแทน โดยใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ หลังจากนั้นจึงขูดขนออกโดยต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้หนังขาดเมื่อเห็นว่าเศษเยื่อและขนหลุดออกไปหมดแล้ว จึงนำไปล้างน้ำจนสะอาดก่อนจะนำผืนหนังไปขึงบนกรอบไม้
ตากลมทิ้งไว้ในร่มหรือแดดอ่อน ๆ ประมาณ 2 – 3 วัน จนเห็นว่าแห้งสนิทดี ก่อนจะนำไปแกะสร้างเป็นรูปหนังต่อไป
2. การร่างภาพลงบนผืนหนัง สมัยก่อนการร่างภาพจะใช้เขม่าไฟผสมกับน้ำข้าว แล้วเขียนเป็นโครงร่างภาพ เมื่อ เสร็จแล้ว ใช้ลูกสะบ้าขัดลงไปให้เป็นเงาต่อมามีการนำดินสอพองมาเขียนร่างแทนแต่มีปัญหาที่เส้นร่างใหญ่เกินไปทำให ้รูป หนังที่ ออกมาไม่สมดุลเท่าที่ควรและ หากเกิดความผิดพลาดจะไม่สามารถลบได้เพราะยิ่งลบยิ่งเปรอะเปื้อนมากขึ้น ระยะหลัง จึงใช้เหล็กจารหรือเหล็กแหลมมา ร่างภาพแทน การใช้เหล็กจารหรือเหล็กแหลมมีข้อดีตรงที่เมื่อเขียน เขียนผิดพลาด สามารถ ใช้น้ำหรือน้ำลายลบออกได้โดยไม่มีรอยให้เห็น สำหรับภาพที่ร่างส่วนใหญ่ เป็นภาพที่มีรูปแบบตามตัวละครในหนัง ตะลุง ค่อนข้างตายตัว เช่น ตัวละครในรามเกียรติ์ และ เรื่องอื่น ๆ ที่ดัดแปลงมาจากวรรณคดีถือเป็นตัวหลัก ที่ช่างทำถนัดและอาจ มีบางตัวที่คิดทำเสริมขึ้นมาใหม่ซึ่งขึ้นอยู่กับจินต นาการของช่าง
3. การแกะฉลุลาย แยกออกได้เป็น 2 แบบ คือ
3.1 การตอกด้วยตุ๊ดตู่หรือมุก ซึ่งจะใช้ร่วมกันกับเขียงไม้เนื้อแข็ง โดยตอก ลงไปเฉพาะส่วนที่เป็นลาย วงกลม หรือลาย เหลี่ยมและลายโค้ง
3.2 การแกะด้วยมีด โดยใช้ร่วมกับเขียงไม้เนื้ออ่อน จะทำเฉพาะส่วนที่เป็นลวดลายที่แปลกไปจากลายวงกลมลายเหลี่ยม
และลายโค้งเมื่อแกะฉลุลวดลายครบทั้งตัวแล้วจึงตัดเลาะรอบนอกออกจากผืนหนัง จะได้เป็นรูปหนังตาม ต้องการ แล้วนำไป ลงสีเป็นขั้นตอนต่อไป
4. การลงสี ในการลงสี หากเป็นตัวละครที่โดดเด่น เช่น พระอิศวร ฤาษี ปรายหน้าบท พระ นาง และตัวตลกที่สำคัญ จะเน้นสีที่ ฉูดฉาด ทั้งนี้เพื่อให้เกิดสีสันชัดเจนในระหว่างการเชิด โดยสีที่ใช้จะเป็นสีย้อมผ้าผสมกับเหล้าขาว หรือน้ำร้อน และน้ำมะนาวก็ได้ ซึ่งมีคุณสมบัติติดแน่นทนทาน ไม่ลอกง่าย ส่วนรูปหนังที่เป็นตัวประกอบ หรือตัวละครที่ไม่มีบทบาทสำคัญ
มากนัก ไม่จำเป็นต้องใช้สีเด่น อาจสีทึมหรือสีทึบแสงเช่น สีน้ำมัน เป็นต้น
5. ทาเคลือบเงา เมื่อได้รูปหนังที่มีสีสันตามต้องการแล้วนำไปทาด้วยน้ำมันชักเงา โดยวางรูปหนังลงบนพื้น แล้วใช้พู่กัน ทาไป ตลอดทั้งรูปหนังราว 3 – 4 ครั้ง แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง
6. ใส่ไม้ยึดติด รูปหนังที่ผ่านทุกขั้นตอนมาแล้ว จะถูกนำไปใส่ในซี่ไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ โดยให้ไม้ไผ่คาบ อยู่ระหว่าง กึ่งกลางของ ตัวหนัง จากนั้นจึงผูกด้วยด้ายเป็นระยะให้แน่นสนิท การผูกนี้ในช่างมืออาชีพจะนิยมตัดแผ่นหนัง ให้เป็นเส้นยาว แล้วนำมาผูก จะช่วยให้งานออกมาเรียบร้อยและไม่เห็นสีเส้นด้ายโผล่ออกมาให้สะดุดตา
1. การเตรียมหนัง หนังที่มีคุณสมบัติที่ดีที่สุด ได้แก่หนังสด ๆ โดยเฉพาะวัวที่เพิ่งถูกชำแหละใหม่ ๆ ช่างทำรูป หนัง จะนำผืนหนังดิบมาขึงในกรอบไม้สี่เหลี่ยมแล้วตัดเลาะพังผืดออกจนหมด ตากจนแห้งราว 3 – 4 วัน จากนั้นแกะ แผ่นหนัง ออกจากกรอบไม้นำไปหมัก สมัยก่อนการหมักในขั้นตอนนี้นิยม ใช้ผลมะเฟืองหรือใบส้มป่อยหรือข่าหรือใบสับปะรด ใช้เวลา ประมาณ 3 – 4 วัน หนังที่แห้งจะคืนสภาพกลับมานิ่ม ช่างขูดขนออก เหลือแต่แผ่นหนัง สีขาว แต่ปัจจุบันกรรมวิธีดังกล่าว ค่อนข้างช้าจึงใช้น้ำส้มสายชูหมักแทน โดยใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ หลังจากนั้นจึงขูดขนออกโดยต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้หนังขาดเมื่อเห็นว่าเศษเยื่อและขนหลุดออกไปหมดแล้ว จึงนำไปล้างน้ำจนสะอาดก่อนจะนำผืนหนังไปขึงบนกรอบไม้
ตากลมทิ้งไว้ในร่มหรือแดดอ่อน ๆ ประมาณ 2 – 3 วัน จนเห็นว่าแห้งสนิทดี ก่อนจะนำไปแกะสร้างเป็นรูปหนังต่อไป
2. การร่างภาพลงบนผืนหนัง สมัยก่อนการร่างภาพจะใช้เขม่าไฟผสมกับน้ำข้าว แล้วเขียนเป็นโครงร่างภาพ เมื่อ เสร็จแล้ว ใช้ลูกสะบ้าขัดลงไปให้เป็นเงาต่อมามีการนำดินสอพองมาเขียนร่างแทนแต่มีปัญหาที่เส้นร่างใหญ่เกินไปทำให ้รูป หนังที่ ออกมาไม่สมดุลเท่าที่ควรและ หากเกิดความผิดพลาดจะไม่สามารถลบได้เพราะยิ่งลบยิ่งเปรอะเปื้อนมากขึ้น ระยะหลัง จึงใช้เหล็กจารหรือเหล็กแหลมมา ร่างภาพแทน การใช้เหล็กจารหรือเหล็กแหลมมีข้อดีตรงที่เมื่อเขียน เขียนผิดพลาด สามารถ ใช้น้ำหรือน้ำลายลบออกได้โดยไม่มีรอยให้เห็น สำหรับภาพที่ร่างส่วนใหญ่ เป็นภาพที่มีรูปแบบตามตัวละครในหนัง ตะลุง ค่อนข้างตายตัว เช่น ตัวละครในรามเกียรติ์ และ เรื่องอื่น ๆ ที่ดัดแปลงมาจากวรรณคดีถือเป็นตัวหลัก ที่ช่างทำถนัดและอาจ มีบางตัวที่คิดทำเสริมขึ้นมาใหม่ซึ่งขึ้นอยู่กับจินต นาการของช่าง
3. การแกะฉลุลาย แยกออกได้เป็น 2 แบบ คือ
3.1 การตอกด้วยตุ๊ดตู่หรือมุก ซึ่งจะใช้ร่วมกันกับเขียงไม้เนื้อแข็ง โดยตอก ลงไปเฉพาะส่วนที่เป็นลาย วงกลม หรือลาย เหลี่ยมและลายโค้ง
3.2 การแกะด้วยมีด โดยใช้ร่วมกับเขียงไม้เนื้ออ่อน จะทำเฉพาะส่วนที่เป็นลวดลายที่แปลกไปจากลายวงกลมลายเหลี่ยม
และลายโค้งเมื่อแกะฉลุลวดลายครบทั้งตัวแล้วจึงตัดเลาะรอบนอกออกจากผืนหนัง จะได้เป็นรูปหนังตาม ต้องการ แล้วนำไป ลงสีเป็นขั้นตอนต่อไป
4. การลงสี ในการลงสี หากเป็นตัวละครที่โดดเด่น เช่น พระอิศวร ฤาษี ปรายหน้าบท พระ นาง และตัวตลกที่สำคัญ จะเน้นสีที่ ฉูดฉาด ทั้งนี้เพื่อให้เกิดสีสันชัดเจนในระหว่างการเชิด โดยสีที่ใช้จะเป็นสีย้อมผ้าผสมกับเหล้าขาว หรือน้ำร้อน และน้ำมะนาวก็ได้ ซึ่งมีคุณสมบัติติดแน่นทนทาน ไม่ลอกง่าย ส่วนรูปหนังที่เป็นตัวประกอบ หรือตัวละครที่ไม่มีบทบาทสำคัญ
มากนัก ไม่จำเป็นต้องใช้สีเด่น อาจสีทึมหรือสีทึบแสงเช่น สีน้ำมัน เป็นต้น
5. ทาเคลือบเงา เมื่อได้รูปหนังที่มีสีสันตามต้องการแล้วนำไปทาด้วยน้ำมันชักเงา โดยวางรูปหนังลงบนพื้น แล้วใช้พู่กัน ทาไป ตลอดทั้งรูปหนังราว 3 – 4 ครั้ง แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง
6. ใส่ไม้ยึดติด รูปหนังที่ผ่านทุกขั้นตอนมาแล้ว จะถูกนำไปใส่ในซี่ไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ โดยให้ไม้ไผ่คาบ อยู่ระหว่าง กึ่งกลางของ ตัวหนัง จากนั้นจึงผูกด้วยด้ายเป็นระยะให้แน่นสนิท การผูกนี้ในช่างมืออาชีพจะนิยมตัดแผ่นหนัง ให้เป็นเส้นยาว แล้วนำมาผูก จะช่วยให้งานออกมาเรียบร้อยและไม่เห็นสีเส้นด้ายโผล่ออกมาให้สะดุดตา
วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554
ศูนย์ศิลปหัตกรรมรูปหนังบางแก้ว
ติดต่อสอบถามได้ที่
ครูอิ่ม จันทร์ชุม บ้านเลขที่ 142 ม.1 ต.ท่ามะเดื่อ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง 93140
โทร. 086-6969055 ( คุณเฉลียว จันทร์ชุม)
ครูอิ่ม จันทร์ชุม บ้านเลขที่ 142 ม.1 ต.ท่ามะเดื่อ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง 93140
โทร. 086-6969055 ( คุณเฉลียว จันทร์ชุม)
วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ครูภูมิปัญญาไทย ด้านศิลปกรรม
ครูอิ่ม ได้แกะหนังตะลุงให้กับนายหนังตะลุงหลายท่านและนำรูปหนังตะลุงไปจำหน่ายในที่ต่างๆ ทำให้ชื่อเสียงของครูอิ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ประกอบกับงานฝีมือของครูอิ่ม เป็นงานฝีมือประณีต เป็นศิลปะชั้นครู จึงมีผู้นิยมสั่งรูปหนังตะลุงมากมาย รวมทั้งได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้สาธิตการแกะหนังตะลุงถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้แกะหนังตะลุงฝีมือเยี่ยม เป็นบรมครูแกะหนังตะลุงของภาคใต้ นอกจากผลงานจะเป็นที่ยอมรับในประเทศไทยแล้วก็ยังเป็นที่สนใจและต้องการของชาวต่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากมีการติดต่อให้ครูอิ่มไปสอนการแกะสลักรูปหนังตะลุง และกนกลายไทยโดยจะให้ค่าตอบแทนเป็นมูลค่าหลายล้านบาท แต่ครูอิ่มเห็นความสำคัญของภูมิปัญญาด้านการแกะหนังตะลุงที่บรรพบุรุษได้ถ่ายทอดสืบต่อกันมาจนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ครูอิ่มจึงต้องการจะสืบทอดมรดกอันล้ำค่านี้ไว้ให้แก่คนไทยสืบไป
จากการที่ได้ฝึกฝนหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเองจนเกิดความชำนาญ และได้พัฒนาการแกะสลักเป็นขั้นตอนนับตั้งแต่การวาดรูปตัวหนังตะลุง การใส่ลายกนกไทย การปั้นรูปคน รูปสัตว์ด้วยดินเหนียว และการแกะสลักไม้เป็นรูปต่างๆ ครูอิ่มได้ทดลองแกะรูปหนังตะลุงออกจำหน่ายได้รับความนิยมมาก และได้รับยกย่องจากผู้คนทั่วไป เมื่อทำงานมาได้เป็นระยะเวลาอันยาวนาน ครูอิ่มได้พบความจริงที่ว่า ศิลปะพื้นบ้านด้านการแกะหนังตะลุงอันเป็นศิลปะที่เก่าแก่นี้กำลังจะสูญหายไป ปัจจุบันเยาวชนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเภทนี้เห็นคุณค่าน้อยมาก ครูอิ่มจึงคิดว่าการทำอาชีพแกะหนังตะลุงอย่างเดียวไม่พอ ควรจะได้มีการสืบสานงานศิลปกรรมด้านนี้ให้คงอยู่ด้วย วิธีการหนึ่งก็คือต้องมีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ต้องเพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้รับความนิยม ดังนั้นครูอิ่มจึงได้ปรับรูปแบบหนังตะลุงให้มีประโยชน์ใช้สอยเพิ่มเติม ให้สามารถประดับตกแต่งตามสถานที่ต่างๆ ได้ นอกเหนือจากการนำหนังตะลุงมาใช้แสดงเพียงประการเดียว ได้จัดให้มีการรวมตัวของสมาชิก จัดเป็นกลุ่มอาสาสาธิตผลิตภัณฑ์การแกะหนังตะลุงเพื่อสืบทอดภูมิปัญญาการแกะหนัง และถ่ายทอดความรู้ให้แก่บุตร ศิษย์ เยาวชน และผู้สนใจทั่วไป โดยเนื้อหาที่ถ่ายทอดจะได้แก่ประวัติและความเป็นมาของหนังตะลุง ชื่อของตัวหนัง และคุณค่าของหนังตะลุงที่จำเป็นต้องอนุรักษ์ไว้
ครูอิ่ม จันทร์ชุม นอกจากจะมีความสามารถในการแกะหนังตะลุงแล้ว ยังมีความสามารถในการรำโนรา การพากย์หนังตะลุง การปั้น การเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง มีผลงานจิตรกรรมไว้ที่ฝาผนังโบสถ์ วัดท่าลาด อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง และที่วัดแจ้ง อำเภอ ระโนด จังหวัดสงขลา อีกด้วย
จากการที่ได้ฝึกฝนหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเองจนเกิดความชำนาญ และได้พัฒนาการแกะสลักเป็นขั้นตอนนับตั้งแต่การวาดรูปตัวหนังตะลุง การใส่ลายกนกไทย การปั้นรูปคน รูปสัตว์ด้วยดินเหนียว และการแกะสลักไม้เป็นรูปต่างๆ ครูอิ่มได้ทดลองแกะรูปหนังตะลุงออกจำหน่ายได้รับความนิยมมาก และได้รับยกย่องจากผู้คนทั่วไป เมื่อทำงานมาได้เป็นระยะเวลาอันยาวนาน ครูอิ่มได้พบความจริงที่ว่า ศิลปะพื้นบ้านด้านการแกะหนังตะลุงอันเป็นศิลปะที่เก่าแก่นี้กำลังจะสูญหายไป ปัจจุบันเยาวชนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเภทนี้เห็นคุณค่าน้อยมาก ครูอิ่มจึงคิดว่าการทำอาชีพแกะหนังตะลุงอย่างเดียวไม่พอ ควรจะได้มีการสืบสานงานศิลปกรรมด้านนี้ให้คงอยู่ด้วย วิธีการหนึ่งก็คือต้องมีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ต้องเพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้รับความนิยม ดังนั้นครูอิ่มจึงได้ปรับรูปแบบหนังตะลุงให้มีประโยชน์ใช้สอยเพิ่มเติม ให้สามารถประดับตกแต่งตามสถานที่ต่างๆ ได้ นอกเหนือจากการนำหนังตะลุงมาใช้แสดงเพียงประการเดียว ได้จัดให้มีการรวมตัวของสมาชิก จัดเป็นกลุ่มอาสาสาธิตผลิตภัณฑ์การแกะหนังตะลุงเพื่อสืบทอดภูมิปัญญาการแกะหนัง และถ่ายทอดความรู้ให้แก่บุตร ศิษย์ เยาวชน และผู้สนใจทั่วไป โดยเนื้อหาที่ถ่ายทอดจะได้แก่ประวัติและความเป็นมาของหนังตะลุง ชื่อของตัวหนัง และคุณค่าของหนังตะลุงที่จำเป็นต้องอนุรักษ์ไว้
ครูอิ่ม จันทร์ชุม นอกจากจะมีความสามารถในการแกะหนังตะลุงแล้ว ยังมีความสามารถในการรำโนรา การพากย์หนังตะลุง การปั้น การเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง มีผลงานจิตรกรรมไว้ที่ฝาผนังโบสถ์ วัดท่าลาด อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง และที่วัดแจ้ง อำเภอ ระโนด จังหวัดสงขลา อีกด้วย
วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ครูอิ่ม จันทร์ชุม
ภูมิปัญญาด้าน ศิลปกรรม (การแกะหนังตะลุง) จังหวัดพัทลุง
- การเรียนรู้ นายอิ่ม จันทร์ชุม มีบิดาคือนายคลิ้ง จันทร์ชุม อาชีพนายหนังตะลุงที่มีชื่อเสียง ได้รับแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจจากบิดาให้สนใจศึกษา เกิดความรักและต้องการสืบทอดมรดกในการแสดงนี้จากบิดา ต่อมาบิดาได้ฝากไว้ในอุปการะของนายปลอด ชูศรี ผู้เป็นลุงซึ่งเป็นผู้แกะรูปหนังตะลุงชื่อดังของภาคใต้ จึงทำให้นายอิ่มมีความรู้ความสามารถมากยิ่งขึ้น
- การค้นคว้า/ค้นพบ นายอิ่มเริ่มศึกษาวิชาแกะรูปหนังตะลุงตั้งแต่อายุ 12 ปี ในระยะแรกได้รับการฝึกแกะรูปหนังตะลุงจากบิดาและลุงคือนายปลอด ต่อมาฝึกฝนหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเองจนเกิดความชำนาญ พัฒนาการแกะสลักของตนเองเป็นขั้นตอนตั้งแต่การวาดรูปตัวหนังตะลุง ใส่ลายกนกไทย ฝึกปั้นรูปคน รูปสัตว์ด้วยดินเหนียว และแกะสลักไม้เป็นรูปต่างๆ ได้ทดลองแกะรูปหนังตะลุงออกจำหน่ายได้รับความนิยมมาก และได้รับยกย่องว่าเป็นผู้แกะรูปหนังตะลุงฝีมือเยี่ยมของภาคใต้
- การทดลองจนประสบความสำเร็จ ศิลปะพื้นบ้านด้านการแกะหนังตะลุงเป็นศิลปะที่เก่าแก่ได้รับการสืบทอดกันมา นับวันจะสูญหายไป เยาวชนปัจจุบันและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมประเภทนี้เห็นคุณค่าในเรื่องนี้น้อย นายอิ่มจึงคิดว่าการทำอาชีพแกะหนังตะลุงอย่างเดียวไม่พอควรจะได้มีการสืบสานงานศิลปกรรมด้านนี้ให้คงอยู่ด้วย จึงได้พัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์โดยปรับรูปแบบให้มีประโยชน์ใช้สอยสามารถประดับตกแต่งตามสถานที่ต่างๆ ได้นอกเหนือจากการนำมาใช้แสดงเพียงประการเดียว ผลงานการแปรรูปผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับ และมีการรวมตัวของสมาชิกจัดเป็นกลุ่มอาสาสาธิตผลิตภัณฑ์การแกะหนังตะลุงทำให้สามารถสืบทอดภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าไว้ได้
- การสอน/การถ่ายทอด เป็นเวลามากกว่า 20 ปี ที่นายอิ่มได้ช่วยเหลือสังคมและถ่ายทอดความรู้ อุทิศแรงกาย แรงใจ โดยการเปิดสอนการแกะรูปหนังตะลุงที่บ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ได้รับเชิญเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้แก่นักเรียนทุกระดับชั้น รวมทั้งผู้สนใจที่เข้ามาเป็นศิษย์และนำความรู้ไปประกอบอาชีพหลักให้แก่ครอบครัวทั้งในพื้นที่จังหวัดสงขลา และพื้นที่ใกล้เคียง ได้สาธิตการแกะสลักรูปหนังตะลุงให้กับสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพในงานสำคัญระดับภาคและระดับประเทศมาโดยตลอด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)