เมื่อวันที่13กันยายน พ.ศ.2523 นายลาร์ฟ บาลโฮน และน.ส.มัลเล่อร์ ซิกริด 2นักศึกษาทุนรัฐบาลเยอรมัน ได้เห็นฝีมือการแกะหนังตะลุงของนายอิ่ม จันทร์ชุม เกิดความศัทธา ถึงกับลงทุนติดต่อนายอิ่ม จันทร์ชุม ขอทุ่มเงินซื้อตัวนายอิ่ม จันทร์ชุม เป็นเงิน 5 ล้านบาท ให้เดินทางไปอยู่ประเทศเยอรมัน เพื่อแกะหนังตะลุงจำหน่ายเป็นเวลา 5ปี แต่นายอิ่ม จันทร์ชุม กลับตอบปฏิเสธว่าไม่ต้องการถ่ายทอดการแกะหนังตะลุงให้ชาวต่างประเทศ ต้องการถ่ายทอดวิชาให้เฉพาะคนไทยเท่านั้น นายอิ่ม กล่าวว่า " เงิน 5ล้านบาท ซื้อฝีมือช่างไทยไม่ได้ ศิลปะไทยต้องอยู่กับคนไทย ชาติอื่นอาจลอกเลียนแบบได้ แต่รับรองฝีมือไม่เหมือนคนไทย "
ครูอิ่ม จันทร์ชุม ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บรมครูแกะหนังตะลุงของภาคใต้” เป็นผู้เห็นคุณค่าของศิลปะพื้นบ้านด้านการแกะหนังตะลุง อันเป็นศิลปะเก่าแก่ซึ่งนับวันจะถูกลดคุณค่าและหมดความนิยมในที่สุด ครูอิ่มได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้สาธิตการแกะหนังตะลุงถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้แกะหนังตะลุงฝีมือเยี่ยม นอกจากผลงานจะเป็นที่ยอมรับในประเทศไทยแล้วก็ยังเป็นที่สนใจและต้องการของชาวต่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากมีการติดต่อให้ครูอิ่มไปสอนการแกะสลักรูปหนังตะลุง และกนกลายไทยโดยจะให้ค่าตอบแทนเป็นมูลค่าหลายล้านบาท แต่ครูอิ่มเห็นความสำคัญของภูมิปัญญาด้านการแกะหนังตะลุงที่บรรพบุรุษได้ถ่ายทอดสืบต่อกันมาจนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ครูอิ่มจึงต้องการจะสืบทอดมรดกอันล้ำค่านี้ไว้ให้แก่คนไทยสืบไป
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น