ครูอิ่ม จันทร์ชุม ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บรมครูแกะหนังตะลุงของภาคใต้” เป็นผู้เห็นคุณค่าของศิลปะพื้นบ้านด้านการแกะหนังตะลุง อันเป็นศิลปะเก่าแก่ซึ่งนับวันจะถูกลดคุณค่าและหมดความนิยมในที่สุด ครูอิ่มได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้สาธิตการแกะหนังตะลุงถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้แกะหนังตะลุงฝีมือเยี่ยม นอกจากผลงานจะเป็นที่ยอมรับในประเทศไทยแล้วก็ยังเป็นที่สนใจและต้องการของชาวต่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากมีการติดต่อให้ครูอิ่มไปสอนการแกะสลักรูปหนังตะลุง และกนกลายไทยโดยจะให้ค่าตอบแทนเป็นมูลค่าหลายล้านบาท แต่ครูอิ่มเห็นความสำคัญของภูมิปัญญาด้านการแกะหนังตะลุงที่บรรพบุรุษได้ถ่ายทอดสืบต่อกันมาจนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ครูอิ่มจึงต้องการจะสืบทอดมรดกอันล้ำค่านี้ไว้ให้แก่คนไทยสืบไป

วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ครูอิ่ม จันทร์ชุม

ภูมิปัญญาด้าน ศิลปกรรม (การแกะหนังตะลุง) จังหวัดพัทลุง
  • การเรียนรู้
              นายอิ่ม จันทร์ชุม มีบิดาคือนายคลิ้ง จันทร์ชุม อาชีพนายหนังตะลุงที่มีชื่อเสียง ได้รับแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจจากบิดาให้สนใจศึกษา เกิดความรักและต้องการสืบทอดมรดกในการแสดงนี้จากบิดา ต่อมาบิดาได้ฝากไว้ในอุปการะของนายปลอด ชูศรี ผู้เป็นลุงซึ่งเป็นผู้แกะรูปหนังตะลุงชื่อดังของภาคใต้ จึงทำให้นายอิ่มมีความรู้ความสามารถมากยิ่งขึ้น
  • การค้นคว้า/ค้นพบ
              นายอิ่มเริ่มศึกษาวิชาแกะรูปหนังตะลุงตั้งแต่อายุ 12 ปี ในระยะแรกได้รับการฝึกแกะรูปหนังตะลุงจากบิดาและลุงคือนายปลอด ต่อมาฝึกฝนหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเองจนเกิดความชำนาญ พัฒนาการแกะสลักของตนเองเป็นขั้นตอนตั้งแต่การวาดรูปตัวหนังตะลุง ใส่ลายกนกไทย ฝึกปั้นรูปคน รูปสัตว์ด้วยดินเหนียว และแกะสลักไม้เป็นรูปต่างๆ ได้ทดลองแกะรูปหนังตะลุงออกจำหน่ายได้รับความนิยมมาก และได้รับยกย่องว่าเป็นผู้แกะรูปหนังตะลุงฝีมือเยี่ยมของภาคใต้
  • การทดลองจนประสบความสำเร็จ
              ศิลปะพื้นบ้านด้านการแกะหนังตะลุงเป็นศิลปะที่เก่าแก่ได้รับการสืบทอดกันมา นับวันจะสูญหายไป เยาวชนปัจจุบันและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมประเภทนี้เห็นคุณค่าในเรื่องนี้น้อย นายอิ่มจึงคิดว่าการทำอาชีพแกะหนังตะลุงอย่างเดียวไม่พอควรจะได้มีการสืบสานงานศิลปกรรมด้านนี้ให้คงอยู่ด้วย จึงได้พัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์โดยปรับรูปแบบให้มีประโยชน์ใช้สอยสามารถประดับตกแต่งตามสถานที่ต่างๆ ได้นอกเหนือจากการนำมาใช้แสดงเพียงประการเดียว ผลงานการแปรรูปผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับ และมีการรวมตัวของสมาชิกจัดเป็นกลุ่มอาสาสาธิตผลิตภัณฑ์การแกะหนังตะลุงทำให้สามารถสืบทอดภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าไว้ได้
  • การสอน/การถ่ายทอด
              เป็นเวลามากกว่า 20 ปี ที่นายอิ่มได้ช่วยเหลือสังคมและถ่ายทอดความรู้ อุทิศแรงกาย แรงใจ โดยการเปิดสอนการแกะรูปหนังตะลุงที่บ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ได้รับเชิญเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้แก่นักเรียนทุกระดับชั้น รวมทั้งผู้สนใจที่เข้ามาเป็นศิษย์และนำความรู้ไปประกอบอาชีพหลักให้แก่ครอบครัวทั้งในพื้นที่จังหวัดสงขลา และพื้นที่ใกล้เคียง ได้สาธิตการแกะสลักรูปหนังตะลุงให้กับสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพในงานสำคัญระดับภาคและระดับประเทศมาโดยตลอด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น